วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ "graffiti "



Week 9 : เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ " graffiti "

        ครั้งนี้จะมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องราวของศิลปะตามสถานที่ต่างๆโดยทุกวันนี้จะเห็นได้ว่ากราฟฟิตี้แพร่ขยายออกไปทั่วโลกด้วยความที่ตัวมันเองมีความน่าหลงใหลตั้งแต่ขั้นตอนของการสร้างผลงานไปจนถึงขั้นของการชื่นชมผลงาน  โดยจะเริ่มที่ความหมายของ Graffiti (กราฟฟิตี้)  ตามความหมายในพจนานุกรมแล้วหมายถึงภาพวาดที่เกิดจากการขีดเขียนไปบนผนัง เป็นคำศัพท์ที่มาจากภาษากรีก grafito ซึ่งแปลว่าการเขียนภาพลงบนผนังหรือกำแพงในสมัยโบราณ

 
ภาพจาก : http://www.goplaymagazine.com

จุดกำเนินของGraffiti

        Graffiti สมัยดั้งเดิม เป็นการกำหนดพื้นที่ของบรรดาแก๊งค์ต่างๆเพื่อแสดงอาณาเขตในช่วงระหว่างปลายปี 60’s  จุดเริ่มต้นจริงๆเกิดที่ Philadelphia, Pennsylvania  มีรากฐานมาจากการ"Bombing"(คือการพ่นหรือเซ็นชื่อหรือลายเซ็นอย่างเร็วที่เรียกว่า "TAG" ตามที่ห้ามขีดเขียนด้วยสเปร์ยหรือมาร์กเกอร์)    คนที่พ่นหรือคนเขียนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ก็จะมี"CORNBREAD" และ "COOLEARL" 2 คนนี้ก็ตระเวน Bomb ตามที่ต่างๆทั่วเมืองมากมายแบะด้วยรูปแบบตัวหนังสือที่อ่านยากแต่สวยงามและมันก็ได้ลามไปสู่ NewYorkทันที

ภาพจาก : http://www.34st.com


        เมื่อกราฟฟิตี้แพร่ไปสู่ วัยรุ่นชาว New York ได้เริ่มต้นเขียนชื่อของพวกเขาบนกำแพงบ้านของเพื่อนบ้าน แต่เค้าเลือกที่จะเขียนชื่อเล่น แทนที่จะเขียนเป็นชื่อจริง เป็นการสร้างสรรค์ความเป็นเอกลักษณ์ให้กับถนน   ยกตัวอย่างเช่น Taki 183 เป็นเด็กวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ที่ถนน 183 ใน Washington Heights Section ย่าน Manhattan ที่ทำงานเป็นแมสเซนเจอร์ เดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน ในระหว่างการเดินทาง เขามักจะเขียนชื่อของเขา ไปทุกหนทุกแห่งที่เขาไป ทั้งด้านใน และ ด้านนอก ของตัวรถไฟ และ ทุกสถานี ในปี 1971 นักข่าวได้ติดต่อ และ ขอสัมภาษณ์ลง น.ส.พ. " New York Time "

 
ภาพจาก : edarville.files.wordpress.com



ประเภทของกราฟฟิตี้

-      Tag คือการเซ็นลายเซ็นหรือนามแฝงของแต่ละคนโดยสเปรย์กระป๋อง หรือ ปากกา ส่วนมากใช้สีเดียว โดยเน้นเป็นตัวอักษรที่สะดุดตา
 
ภาพจาก : http://graffitidiplomacy.com
-       
     Throw-ups คือการเขียนเร็ว ๆ ด้วยสีพื้นฐาน เห็นเส้นสายที่รวดเร็ว เป็นการเขียนตัวอักษรน้อยตัว มีเส้นตัดขอบเพื่อให้ดูมีมิติ
 
ภาพจาก : http://imgs.abduzeedo.com

-      Fill-in หรือ Piece คือ Throw-up ที่ซับซ้อนขึ้น เป็นผลงานของคนเขียนคนเดียว เป็นการพ่นสีสเปรย์ให้เป็นภาพหรือตัวอักษรที่สวยงาม ใช้เวลานานในการสร้างสรรค์ เพื่อให้ผลงานออกมาสมบูรณ์
 
ภาพจาก : http://i36.tinypic.com
-       
           Block หรือ Bubble การเขียน Tag ที่ดูมีมิติมากขึ้น ใช้สีประมาณ 3 สี หรือมากกว่า
 
ภาพจาก : http://www.bangkokeyes.com
-     
          Wildstyle หรือ Wickedstyle เป็นสไตล์ที่ซับซ้อนขึ้น มีการเกาะเกี่ยวกันของตัวหนังสือ ลักษณะการเขียนประเภทนี้จะอ่านค่อนข้างยาก เพื่อแสดงความเหนือชั้นของการดีไซน์
 
ภาพจาก : http://www.keusta.net
-   
           Blockbuster คือ Fill-in ที่เขียนที่ตั้งใจเขียนทั้งผนัง


ภาพจาก : https://www.flickr.com

-       
     Character คือการพ่นเป็นรูปคน หรือ คาแร็กเตอร์ต่าง ๆ ไม่วาจะเป็นตัวการ์ตูน หรือเป็นภาพเสมือนจริงอาจเป็นตัวการ์ตูนที่นักเขียนออกแบบเอง
 
http://www.goplaymagazine.com
-       
          Production คือ การรวมรอยขูดขีดเขียนทุกรูปแบบไว้ด้วยกัน เกิดจากการรวมที่นักเขียนหลายคนหรือหลายกลุ่มนัดกันสร้างผลงานร่วมกัน โดยมีธีมไปในทิศทางเดียวกันหรือสอดคล้องกัน


ภาพจาก : http://www.syonanto.blogspot.com/



กราฟฟิตี้ในประเทศไทย


        กราฟฟิตี้ในประเทศไทยมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร 
ที่พบเห็นตามอาคารหรือกำแพงที่ถูกทิ้งร้าง และอาคารต่างๆ ส่วนใหญ่กราฟฟิตี้ในประเทศไทยยังเป็นการแสดงออกทางศิลปะเท่านั้น ยังไม่มีการเสียดสีหรือล้อเลียน
เรื่องราวต่างๆ ในสังคมมากนัก เมื่อกราฟฟิตี้เกิดความนิยมมากหมู่วัยรุ่นไทย ได้มีการประกวด และงานอีเวนต์ต่าง ๆ ที่นำกราฟฟิตี้ไปแสดง ไม่ว่าจะเป็นงาน Battle of the year งานจัดประกวดกราฟฟิตี้ งาน MBK Graffitti Lesson 1 ที่จัดประกวดแข่งขันโชว์การพ่นกราฟฟิตี้แนวสตรีทอาร์ต และผู้สร้าสรรค์งานศิลปะจำนวนไม่น้อยสามารถยึด
งานกราฟฟิตี้เป็นอาชีพได้อย่างสุจริต เช่นการนำรอยขูดขีดเขียนมาใช้ออกแบบร้านเสื้อผ้าแนวสตรีทอาร์ต ออกแบบร้านสเก็ตบอร์ด อย่างเช่น เอ็ม แห่งวงบุดด้า เบลส ที่เคยยึดเป็นอาชีพ

 
ภาพจาก : http://www.goplaymagazine.com

ภาพจาก www.youtube.comrt   

         เอ็ม วงบุดด้า เบลส และ BIGDEL กำลังดำเนินรายการ ART VENTURE ซึ่งเกี่ยวกับบกราฟฟิตี้







 ขอขอบคุณข้อมูลจาก 

http://www.34st.com/article/2014/02/contrapposto-price-tagging-taking-  a-stance-on-graffiti

http://www.bkkgraff.com/forum/index.php?topic=6.0


 http://www.jammerstudio.com/board/index.php?topic=58.0









วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review/แนะนำการใช้งานโปรแกรม

Week 8 :Reviewการใช้งานโปรแกรมGoogle Translate

   
        ผมเชื่อว่าปัญหาของใครหลายๆคนในการติดต่อสื่อสารเป็นหาหลักๆคงเป็นปัญหาด้านภาษา ยกตัวอย่างเช่นการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างประเทศอาจต้องมีการอ่านป้ายหรือข้อมูลต่างๆในการท่องเที่ยวแต่หากมีปัญหาทางด้านภาษาจะทำให้การท่องเที่ยวไม่สนุกสนานอีกต่อไป ครั้งนี้จึงจะมาแนะนำแอพที่ช่วยแปลภาษานั่นคือ Google Translate เมื่อกล่าวถึง Google Translate แล้วคงต้องนึกถึงการแปลที่ตรงตัว(ตรงตัวมากเกินไป!!)บวกกับการแปลความหมายที่ไม่ได้ความแต่ในแอพ Google Translate เวอร์ชั่นใหม่ในสมาร์ทโฟนนั้นได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก มีฟีเจอร์ใหม่ๆมากมาย ในแง่ของการใช้งานมีการปรับให้ใช้งานที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น

ภาพจาก : http://www.redmondpie.com/


         ขั้นตอนแรกจะต้องเข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ที่แอพสโตร์เพียงค้นหาคำว่า Google Translate และกดดาวน์โหลด ซึ่งแอพฯนี้มีให้เลือกใช้ได้ทั้งบน iOS และ Android ฟรี

ภาพจาก : AppStore

ฟังก์ชั่นสแกนรูป

ภาพจาก : แอพ Google Translate

        ใช้โดยการนำภาพที่ถ่ายในเครื่องที่มา จากนั้นกดสแกน โดยใช้นิ้วไฮไลค์ข้อความที่ต้องการแปล และความหมายก็จะปรากฏขึ้นมา
ภาพจาก : แอพ Google Translate


ฟังก์ชั่นกล้องถ่ายรูป
ภาพจาก : แอพ Google Translate
         
        เป็นฟังก์ชันที่เพิ่มเพิ่มขึ้นมาใหม่ โดยการนำกล้องเล็งไปที่ข้อความที่ต้องการจะแปลความหมาย  (แปลแบบแบบเรียลไทม์ โดยปัจจุบันบริการนี้รองรับเฉพาะ ภาษาอังกฤษ,ฝรั่งเศส,เยอรมัน,อิตาลี,โปรตุเกส,รัสเซีย,สเปน เท่านั้น )
 
ภาพจาก : http://www.wheelsandchips.com



ฟังก์ชั่นไมค์
ภาพจาก : แอพ Google Translate
        สามารถกดที่ไมค์ เพื่อพูด ก็จะได้ความหมายที่คุณต้องการจากภาษานั้นๆ โดยแอพฯาษาจะแยกแยะว่าภาษาใดในสองภาษาที่คุณกำลังพูดอยู่ พร้อมกับแปลภาษาให้แบบเรียลไทม์ จะสามารถใช้ในสถานการณ์ในการสนทนากับผู้อื่นที่ต่างภาษาได้อย่างราบรื่น
 
ภาพจาก : แอพ Google Translate


 ฟังก์ชั่นลายเส้น
ภาพจาก : แอพ Google Translate

 ฟังชั่นรูปลายเส้นสามารถใช้นิ้วเขียนอักษรภาษาที่ต้องการจะแปลลงไป สักครู่จะมีข้อความที่เราเขียนลงไปขึ้นอยู่ด้านบน จากนั้นกดปุ่มลูกศรทางมุมขวาล่าง เพื่อแสดงความหมาย 
 
ภาพจาก : แอพ Google Translate
        


        หลังจากนี้ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบไหนในต่างประเทศก็สามารถติดต่อสื่อสารหรือแม้กระทั่งขอความช่วยเหลือได้อย่างง่ายดาย

http://www.techtimes.com






  ขอบคุณข้อมูลจาก